วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษ สรุปเนื้อหาวรรณกรรม เรื่องท้าวกำพร้าไก่แก้ว

สรุปเนื้อหาวรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง ท้าวกำพร้าไก่แก้ว
  เรื่องย่อ นิทานท้าวกำพร้าไก่แก้ว  
          กล่าวถึงหญิงชายกำพร้าคู่หนึ่งแต่งงานกัน  ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน  ต่อมาสามีได้ตายจากไป  ทิ้งให้หญิงหม้ายเลี้ยงลูกตามลำพัง  หญิงหม้ายจึงพาลูกไปอาศัยอยู่เมืองอุดม  ซึ่งมีพระยากุญชโรปกครอง  เมื่อลูกชายโตเป็นหนุ่ม  ได้ไปเรียนวิชาต่อไก่ (ภูมิปัญญาท้องถิ่น)  จากชายคนหนึ่งจนชำนาญ
          ที่เมืองพญานาคมีท้าวกะโยงคำปกครอง  มีธิดาชื่อนางสีดา  ในอดีตชาตินางเคยเป็นภรรยาของท้าวกำพร้า  นางยังคิดถึงอดีตสามีอยู่เสมอ  วันหนึ่งขณะที่ท้าวกำพร้ากำลังต่อไก่อยู่ในป่า  นางสีดาได้แปลงกายเป็นไก่แก้ว(ไก่เผือก)  ไปปรากฏให้ท้าวกำพร้าเห็น  ท้าวกำพร้ากระโดดตะครุบไก่แก้ว  แต่ไก่แก้ววิ่งลงรูหายไป  ท้าวกำพร้าได้เพียงขนหางนางเส้นหนึ่ง  กลิ่นขนนั้นหอมมาก  ส่งกลิ่นไปถึงวังของพระยากุญชโร  พระองค์จึงสั่งให้ท้าวกำพร้าเข้าเฝ้า  และใช้ให้ลงรู  เพื่อตามไก่หอมมาถวาย  เมื่อท้าวกำพร้าลงไปในรู  ซึ่งเป็นเมืองบาดาล  ได้พบนางสีดา(คนที่1)    ซึ่งเป็นภรรยาแต่อดีตชาติ  จึงแต่งงานกัน  ท้าวกำพร้าอยู่เมืองบาดาลชั่วระยะหนึ่งก็คิดถึงมารดา  จึงพานางสีดามาเมืองมนุษย์  แต่ด้วยกรรมเก่าทั้งสองจึงต้องพลัดพรากจากกัน  นางสีดาถูกพระยากุญชโรนำไปขังไว้ (ผิดศีลธรรม)เพื่ออภิเษกเป็นมเหสี  แต่พระยากุญชโร(ไม่มีศีลธรรม)ไม่สามารถเข้าใกล้นางได้  เพราะร่างกายนางสีดาร้อนดังไฟ ท้าวกะโยงคำคิดหาทางที่จะช่วยท้าวกำพร้าตามหานางสีดา  เมื่อท้าวกำพร้านอนหลับจึงอุ้มไปไว้ในป่าแห่งหนึ่งบนเมืองมนุษย์  เมื่อตื่นขึ้นท้าวกำพร้าตามหานางสีดา  ระหว่างนั้นพบกับนางอำคา  ลูกสาวยักษ์กันดารและได้นางอำคาเป็นภรรยา(คนที่ 2)  นอกจากนั้นยังได้ของวิเศษจากยักษ์  คือเกือกแก้วและดาบกายสิทธิ์แลกกับ(แลกเปลี่ยน)   คำหมากเคี้ยวและปลายลิ้นของพญาปากเข็ดซึ่งเป็นของวิเศษ  ถ้าใครเคี้ยวอยู่ในปากขณะที่ยังไม่จืด  สามารถเหาะได้ และสั่งให้ผู้จะมาทำร้ายตนตายตามได้  จากนั้นจึงมาพบหมูใหญ่  ชื่อ  พรหมขันธ์  เป็นหมูที่มีฤทธิ์เดชมาก  เมื่อต่อสู้กันท้าวกำพร้าฆ่าหมูตาย(ผิดศีลธรรม)  ต่อมาเดินทางมาพบนางจันทาธิดาพระยาผาจวงซึ่งถูกพิษงูกัด  ท้าวกำพร้ารักษาเสกมนต์ชุบชีวิตให้ฟื้นคืนเป็นปกติและได้นางจันทาเป็นภรรยา(คนที่ 3)  จากนั้นท้าวกำพร้าจึงพานางอำคาและนางจันทา  ไปยังเมืองอุดม  เพื่อพบมารดาของตน  และรับนางสีดาคืนจากพระยากุญชโร   เมื่อไปถึงท้าวกำพร้าทราบว่ามารดาถึงแก่กรรมแล้ว  จึงใช้ของวิเศษที่มีอยู่ชุบชีวิตมารดาให้ฟื้นคืนดังเดิมและเมื่อมารดาได้บอกที่ฝังศพของบิดา  จึงชุบชีวิตบิดาคืนเช่นเดียวกัน  ท้าวกำพร้าได้เนรมิตเมืองใหม่ให้บิดามารดาอยู่อย่างเป็นสุข  เป็นการตอบแทนบุญคุณของบิดามารดา(ความกตัญญู)   ท้าวกำพร้าจึงพานางอำคาและนางจันทาไปอยู่ในสวนท้ายเมืองโคดม  โดยให้นางทั้งสองแต่งตัวสวยงามราวนางกษัตริย์  ส่วนท้าวกำพร้าแต่งตัวเป็นคนยากจน  พระยากุญชโรให้ทหารมารับธิดา  2  นางเข้าไปในวัง  และจับท้าวกำพร้าไว้  ท้าวกำพร้าต่อสู้กับทหารโดยเสกทหารตัวแข็งดังหิน  เหลือไว้เพียงคนเดียว  เพื่อไปบอกพระยากุญชโรยกทัพมาต่อสู้กับตน  ท้าวกำพร้าเสกให้พระยากุญชโรตัวแข็งดังหินเสกให้น้ำท่วมเมือง  ทุกคนในเมืองตายหมด  เหลือเพียงนางสีดาและบริวาร 100 คน  ท้าวกำพร้าไปพบนางสีดาและเสกให้น้ำแห้ง  ชุบชีวิตพระยากุญชโรและชาวเมืองทุกคนให้ฟื้นคืนดังเดิม  พระยากุญชโรยอมรับผิด(คุณธรรม)และส่งนางสีดาคืนท้าวกำพร้า  และได้ยกบ้านเมืองให้ท้าวกำพร้าครอบครอง  แต่ท้าวกำพร้าปฏิเสธ  จึงยกเมืองคืนให้พระยากุญชโร  ครอบครองดังเดิมพร้อมกับสั่งสอนให้พระยากุญชโรตั้งตนอยู่ในศีลธรรม(คำสอน) ยักษ์กันดารบิดาเลี้ยงนางอำคาทราบว่านางหายไปพร้อมกับขโมยเกือกแก้วและดาบกายสิทธิ์ของตนไปด้วย  จึงออกตามหาพบนางอำคาและท้าวกำพร้าได้ต่อสู้กัน  ยักษ์กันดารถูกท้าวกำพร้าไก่แก้วฆ่าตาย  และได้ขอร้องยักษ์กันดารให้เลิกกินคนยักษ์รับคำแล้วจึงลากลับเมืองตน  จากนั้นท้าวกำพร้าไก่แก้วพร้อมด้วยภรรยาทั้งสาม  คือ  นางสีดา  นางอำคา  และนางจันทาได้เนรมิตเมืองขึ้นใหม่และได้ครองเมืองอย่างมีความสุข  ต่อมานางสีดาให้กำเนิดบุตรชายชื่อบุนนาค  ส่วนนางอำคาและนางจันทาไม่มีบุตร จึงรักบุนนาคดังบุตรตน  บุนนาคเป็นคนดี  จึงเป็นที่รักของทุก ๆ คน
1. ที่มา
          ท้าวกำพร้าไก่แก้ว เป็นวรรณกรรมอีสาน ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาคอีสาน วรรณกรรม เรื่องท้าวกำพร้าไก่แก้ว เป็นวรรณกรรมประเภทนิทานพื้นบ้านซึ่งกวีได้ประพันธ์วรรณกรรมนิทานให้มีรูปแบบอย่างนิทานชาดกในพุทธศาสนาในตอนจบของนิทานพื้นบ้านเรานั้นจะมีการม้วนชาดกหมายถึงตัวละครเอกกลับชาติมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าส่วนตัวละครอื่นก็กลับชาติมาเกิดเป็นพยานและพุทธบริษัทตามความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างสมเหตุสมผลกับเหตุการณ์ตามท้องเรื่อง
          วรรณกรรมอีสาน เรื่องกำพร้าไก่แก้ว มาจากเอกสารใบลานเดิมซึ่งเป็นตัวอักษรธรรมอีสาน ลำดับเลขผูก ลำดับเลขลาน ลำดับเลขหน้า ของใบลาน เช่น (ผ.1 .1 .1 ) หมายถึง ผูกที่ 1 ลานที่ 1 หน้าที่ 1
          ต้นฉบับกำพร้าไก่แก้ว มาจากวัดบ้านไร่น้อย ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 5 ผูก 101 ใบลาน ขนาดกว้างของใบลาน 5.3 เซนติเมตร ยาว 53 เซนติเมตร หนา 4.7 เซนติเมตร
          ผู้แต่ง
          ลานสุดท้ายของผูกที่ 1 บรรทัดสุดท้ายจารึกชื่อผู้เขียนไว้ว่า จบไก่แก้วผูกต้นพอ พ่อจารย์เลียนเป็นผู้เขียนไว้ วัดบ้านไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 
          ปีที่แต่ง
          ไม่ปรากฏปีที่แต่ง


2. วิเคราะห์เนื้อเรื่อง
          1.ชื่อเรื่อง ตั้งชื่อตามลักษณะตัวละครและเหตุการณ์
          ท้าวกำพร้าไก่แก้ว ตั้งชื่อตามตัวละครเอกของเรื่อง กำพร้า เป็นชื่อตัวละครเอกฝ่ายชายที่ได้เสียพ่อไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย จึงเป็นลูกกำพร้า และได้อาศัยอยู่กับแม่อย่างยากลำบาก 
           ไก่แก้ว เป็นชื่อของนางสีดา ตอนที่นางสีดานิรมิตเพศเป็นไก่แก้วหรือไก่เผือก ขณะที่ท้าวกำพร้ากำลังต่อไก่

          2.แก่นเรื่อง
          ผู้ที่ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม ทำแต่ความดี ย่อมมีความเจริญในชีวิต

          3.โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง
          ชายหญิงกำพร้าคู่หนึ่ง ให้กำเนิดลูกชาย อยู่ด้วยกันไม่นาน สามีได้เสียชีวิต  ลุกชายจึงกำพร้าพ่อ และได้อาศัยอยู่กับแม่อย่างยากลำบาก หญิงแม่หม้ายจึงพาลูกไปอาศัยอยู่เมืองอุดม เมื่อลูกชายโตขึ้นเป็นหนุ่ม ได้ไปเรียนวิชาต่อไก่จนชำนาญ

การดำเนินเรื่อง
          -ท้าวกำพร้าเข้าป่าหาต่อไก่ นางสีดาได้แปลงกายเป็นไก่แก้ว(ไก่เผือก) ไปปรากฎให้ท้าวกำพร้าเห็น ท้าวกำพร้าตะครุบไก่แก้ว แต่ไก่แก้ววิ่งลงรู ได้เพียงขนหางนางเส้นหนึ่ง กลิ่นขนนั้นหอมมาก
          -พระยากุญชโร เจ้าเมืองอุดม ได้กลิ่นหอมของขนนางจึงให้ชาวเมืองออกตามหา แล้วจึงไปพบกลิ่นหอมที่กระท่อมของท้าวกำพร้า พระยากุญชโรจึงมีรับสั่งให้ท้าวกำพร้าเข้าเฝ้าพร้อมกับนำขนไก่แก้วนั้นมาด้วย พระองค์จึงสั่งให้ท้าวกำพร้าลงรู เพื่อตามหาไก่แก้วมาถวาย ถ้าจับไก่แก้วมาได้ พระองค์จะยกเมืองครึ่งหนึ่งให้กับท้าวกำพร้า
          -ท้าวกำพร้าลงรู เพื่อตามหาไก่แก้วมาถวาย เมื่อท้าวกำพร้าลงไปในรูซึ่งเป็นเมืองบาดาล ได้พบนางสีดา อดีตชาตินางเคยเป็นภรรยาของท้าวกำพร้า จึงได้แต่งงานกัน พออยู่เมืองบาดาลไปซักพักคิดถึงมารดาขึ้นมา จึงพานางสีดามาเมืองมนุษย์ด้วย แต่ด้วยกรรมเก่า จึงทำให้ต้องพลัดพรากจากกัน ท้าวกำพร้าตามหานางสีดาแล้วจึงได้มาพบกับนางอำคา ลูกสาวยักษ์กันดารจึงได้นางอำคาเป็นภรรยาคนที่สอง เมื่อเดินทางต่อจึงพบนางจันทาธิดาพระยาจวงซึ่งถูกงูพิษกัด ท้าวกำพร้าได้ชุบชีวิตนางขึ้น แล้วได้นางเป็นภรรยาคนที่ 3

ปม
          นางสีดาถูกพระยากุญชโรนำไปขังไว้ เพื่ออภิเษกเป็นมเหสี แต่พระยากุญชโรไม่มีศีลธรรม จึงไม่สามารถเข้าใกล้นางได้ เพราะร่างกายนางสีดาร้อนดังไฟ

จุดสูงสุดของเรื่อง
          ท้าวกำพร้าต่อสู้กับทหารโดยเสกทหารตัวแข็งดังหิน เหลือไว้คนเดียว เพื่อไปบอกพระยากุญชโรให้ยกทัพมาสู้กับตน ท้าวกำพร้าเสกให้พระยากุญชโรตัวแข็งดังหิน เสกให้น้ำท่วมเมือง ทุกคนในเมืองตายหมด เหลือเพียงนางสีดาและบริวาร 100 คน

คลายปม
          ท้าวกำพร้าเสกให้น้ำแห้ง และชุบชีวิตพระยากุญชโรและชาวเมืองทุกคนให้ฟื้นคืน พระยากุญชโรยอมรับผิด และส่งนางสีดาคืนแก่ท้าวกำพร้า

การปิดเรื่อง
          ท้าวกำพร้าพร้อมภรรยาทั้งสามคน คือ นางสีดา นางอำคา และนางจันทา เนรมิตเมืองขึ้นใหม่และได้ครองเมืองอย่างมีความสุข ต่อมานางสีดาให้กำเนิดบุตรชายชื่อ บุนนาค ส่วนนางอำคาและจันทาไม่มีลูก จึงรักบุนนาคดังบุตรตน บุนนาคเป็นคนดีจึงเป็นที่รักของทุกๆคน

3.ตัวละคร
- ตัวละครหลัก
ท้าวกำพร้า
          เพศ : ชาย
          ชาติ : คน
          ฐานะ : ลูกคนจน กำพร้าพ่อ
          สถานะ : ปกติ

นางสีดา
          เพศ : หญิง
          ชาติ : คน
          ฐานะ : ธิดาท้าวกะโยงคำ เจ้าเมืองบาดาล
          สถานะ : ปกติ

นางอำคา
          เพศ : หญิง
          ชาติ : ยักษ์
          ฐานะ : ลูกสาวยักษ์กันดาร
          สถานะ : ปกติ

นางจันทา
          เพศ : หญิง
          ชาติ : คน
          ฐานะ : ธิดาพระยาจวง
          สถานะ : ปกติ
         
- ตัวละครรอง
พระยากุญชโร
          เพศ : ชาย
          ชาติ : คน
          ฐานะ : กษัตริย์เจ้าเมืองอุดม
          สถานะ : ปกติ

ยักษ์กันดาร
          เพศ : ชาย
          ชาติ : ยักษ์
          ฐานะ : บิดานางอำคา
          สถานะ : ปกติ

นายพราน
          เพศ : ชาย
          ชาติ : คน
          ฐานะ : คนต่อไก่
สถานะ : ปกติ

4.ภาษา/ฉันทลักษณ์
                วรรณกรรมอีสาน เรื่องกำพร้าไก่แก้ว มาจากเอกสารใบลานเดิมซึ่งเป็นตัวอักษรธรรมอีสาน ปัจจุบันใช้ภาษาประพันธ์ด้วยภาษาบาลีสันสกฤต ภาษาถิ่นอีสานและภาษาไทยกลาง

ฉันทลักษณ์
คำประพันธ์ในเรื่องท้าวกำพร้าไก่แก้วเป็นประเภทร้อยกรองชนิดโคลงสาร ซึ่งมีฉันทลักษณ์ ดังนี้
          คณะโคลงสาร บทหนึ่งมีสองบรรทัด บรรทัดหนึ่งเรียก บาทหนึ่ง บาทหนึ่งมีสองวรรค รวมสองบาทหรือสองวรรคเป็นหนึ่งบท หรือหนึ่งโคลง บาทหนึ่งมีเจ็ดคำ แบ่งเป็นวรรคหน้าสามคำ วรรคหลังสี่คำ หนึ่งบทจึงมี 14 คำ ลักษณะบทแบ่งเป็นสองบท คือ บทเอกและบทโท บทเอกนั้นกำหนดตามบัญญัติให้มีเสียงเอกนำในบาทแรก (เสียงเอกในคำที่สองวรรคหน้า) โคลงนี้นิยมแต่งเป็นสองแบบ คือ แบบบทคู่และแบบบทเดี่ยว ถ้าแต่งแบบบทคู่ นิยมแต่งบทเอกก่อน แล้วเดินต่อด้วยบทโทเป็นคู่ๆไป คือเอกและโท เรื่อยไปจนจบเรื่อง ถ้าแต่งแบบบทเดี่ยว นิยมแต่งบทโทเป็นพื้นแบบบทคู่มีความไพเราะมากกว่า
          กำหนดเอกโท บทเอกมีเอกสามตำแหน่ง โทสองตำแหน่ง บทโทมีเอกสามตำแหน่งและโทสามตำแหน่ง มีคำเสริมด้านหน้าละคำสร้อยด้านหลังได้ทุกวรรค คำเสริมวรรคละสองถึงสี่คำ คำสร้อยวรรคละสองคำ
                             บาทเอก           (๐๐)   ๐๐๐  ๐๐๐๐   (๐๐)
                                                  (๐๐)   ๐๐๐  ๐๐๐๐   (๐๐)
                             บาทโท            (๐๐)    ๐๐๐  ๐๐๐๐   (๐๐)
                                                  (๐๐)   ๐๐๐  ๐๐๐๐   (๐๐)
                                       ตัวอย่าง
                                            ตัวอย่าง
          แต่นั้น อาจารย์เจ้า  ยินดีชมชื่น                                                                                         ม่ายม่ายหน้า         หัวแล้วจึ่งจา                                                                        พี่ก็ ฟังคำเว้า         สองเฮาเสมอภาค                                                                 
          สองก็ เข้าห่มไม้      จาเว้าต่อกัน
5.ฉาก
-ฉากหลัก
          ฉากเมืองอุดม                                                                                                                             หญิงหม้าย พาลูกไปอาศัยอยู่เมืองอุดม ซึ่งมีพระยากุญชโรปกครอง เมื่อลูกชายโตเป็นหนุ่ม  ได้ไปเรียนวิชาต่อไก่ (ภูมิปัญญาท้องถิ่น)  จากชายคนหนึ่งจนชำนาญ
          ท้าวกำพร้าต่อสู้กับทหารโดยเสกทหารตัวแข็งดังหิน  เหลือไว้เพียงคนเดียว  เพื่อไปบอกพระยากุญชโรยกทัพมาต่อสู้กับตน  ท้าวกำพร้าเสกให้พระยากุญชโรตัวแข็งดังหินเสกให้น้ำท่วมเมือง  ทุกคนในเมืองตายหมด  เหลือเพียงนางสีดาและบริวาร 100 คน  ท้าวกำพร้าไปพบนางสีดาและเสกให้น้ำแห้ง  ชุบชีวิตพระยากุญชโรและชาวเมืองทุกคนให้ฟื้นคืนดังเดิม  พระยากุญชโรยอมรับผิด(คุณธรรม)และส่งนางสีดาคืนท้าวกำพร้า 
          ฉากเมืองพญานาค                                                                                               ท้าวกำพร้าลงรู  เพื่อตามไก่หอมมาถวาย เมื่อท้าวกำพร้าลงไปในรู ซึ่งเป็นเมืองบาดาล ได้พบนางสีดา(คนที่1)  ซึ่งเป็นภรรยาแต่อดีตชาติ จึงแต่งงานกัน ท้าวกำพร้าอยู่เมืองบาดาลชั่วระยะหนึ่งก็คิดถึงมารดา จึงพานางสีดามาเมืองมนุษย์

-ฉากรอง
          ฉากป่า                           
          ท้าวกำพร้ากำลังต่อไก่อยู่ในป่า  นางสีดาได้แปลงกายเป็นไก่แก้ว(ไก่เผือก)  ไปปรากฏให้ท้าวกำพร้าเห็น  ท้าวกำพร้ากระโดดตะครุบไก่แก้ว  แต่ไก่แก้ววิ่งลงรูหายไป  ท้าวกำพร้าได้เพียงขนหางนางเส้นหนึ่ง  กลิ่นขนนั้นหอมมาก
          ท้าวกำพร้านอนหลับจึงถูกอุ้มไปไว้ในป่าแห่งหนึ่งบนเมืองมนุษย์  เมื่อตื่นขึ้นท้าวกำพร้าตามหานางสีดา  ระหว่างนั้นพบกับนางอำคา  ลูกสาวยักษ์กันดารและได้นางอำคาเป็นภรรยา(คนที่ 2)  นอกจากนั้นยังได้ของวิเศษจากยักษ์  คือเกือกแก้วและดาบกายสิทธิ์แลกกับ(แลกเปลี่ยน)   คำหมากเคี้ยวและปลายลิ้นของพญาปากเข็ดซึ่งเป็นของวิเศษ  ถ้าใครเคี้ยวอยู่ในปากขณะที่ยังไม่จืด  สามารถเหาะได้ และสั่งให้ผู้จะมาทำร้ายตนตายตามได้  ต่อมาเดินทางมาพบนางจันทาธิดาพระยาผาจวงซึ่งถูกพิษงูกัด  ท้าวกำพร้ารักษาเสกมนต์ชุบชีวิตให้ฟื้นคืนเป็นปกติและได้นางจันทาเป็นภรรยา(คนที่ 3)  จากนั้นท้าวกำพร้าจึงพานางอำคาและนางจันทา  ไปยังเมืองอุดม  เพื่อพบมารดาของตน 

6.ความโดดเด่นของภาษา
ด้านเนื้อหา                                                                                                                                         วรรณกรรมเรื่องท้าวกำพร้าไก่แก้ว เป็นวรรณกรรมที่มีเนื้อหาที่ให้อารมณ์ ทั้งบทโกรธ บทรัก บทโศก และแฝงด้วยข้อคิดเอาไว้ ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตของตัวละคร

 ด้านตัวละคร                                                                                                                                       ตัวละครเป็นผู้ดำเนินเรื่องและมีจุดเด่นที่ตัวละครเอกมีลักษณะเด่น คือ เป็นลูกที่กำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของเด็กกำพร้าที่ต้องพบเจออุปสรรคปัญหา ที่ต้องดูแลแม่มาด้วยตัวของตัวเอง ตัวละครหญิง มีลักษณะเด่น มีกลิ่นกายที่หอม นิรมิตเพศให้เป็นไก่แก้ว
โครงเรื่อง                                                                                                                                           เค้าโครงเรื่องเป็นคติสอนใจ ในตอนจบของนิทานมีรูปแบบอย่างนิทานชาดกในพระพุทธศาสนา ในตอนจบของนิทานจะมีการม้วนชาดก อาจารย์พ่อท้าวไก่แก้วกลับชาติมาเกิดเป็นท้าวศรีสุทโธทนะ หญิงทุกข์ไร้เข็ญใจแม่ท้าวกำพร้าไก่แก้ว กลับชาติมาเป็นพระนางศิริมหามายา ท้าวไก่แก้วมาเป็นพระพุทธเจ้า พระยากุญชโรกลับชาติมาเกิดเป็นท้าวเทวทัต นางสีดาเป็นนางพิมพาเถรี พระยานาคพ่อนางสีดาเป็นพระเจ้าสุปปพุทธ พระยายักษ์กันดารพ่อนางอำคาเป็นพระกัสสปะโมคคัลลาน์ พระยาผาจวงเป็นพระสารีบุตร นางจันทาเป็นนันทาเถรี นายพรานผู้พาไปต่อไก่เป็นพระอานนท์ ปุณนาคลูกนางสีดาเป็นพระราหุล

7.การนำไปประยุกต์ใช้
          - เรื่องกำพร้าไก่แก้วเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นอีสานที่ให้ความบันเทิง คือ นำเรื่องมาแสดงหมอลำหมู่ลำเรื่องต่อกลอนให้คติธรรมโดยนำมาเทศนาให้ความเพลิดเพลิน คนเฒ่าคนแก่นำมาเล่านิทานให้ลูกหลานฟังและเคยใช้อ่านในงานศพหลังจากพระภิกษุสวดมนต์แล้วมีชาวบ้านและญาติพี่น้องไปอยู่เป็นเพื่อนในบ้านผู้ตายชาวอีสานเรียกว่า งานเฮือนดี การอ่านหนังสือผูกในพิธีนี้ทำให้ผู้ฟังเกิดความไพเราะ ได้คติธรรมมีความอบอุ่นแก่ครอบครัวผู้ตาย จนชาวอีสานเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมีอนุสรณ์สถานทางโบราณคดีเกี่ยวกับเรื่องกำพร้าไก่แก้วคือปรางค์กู่สีดา ตั้งอยู่ที่วัดพระปรางค์สีดา ตำบลสีดา อำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้ชื่อว่าสีดาเนื่องจากคำว่าสีดาเป็นชื่อตัวละครอีกฝ่ายหญิง จากเรื่องกำพร้าไก่แก้ว นางเป็นหญิงที่มีจริยาวัตรและคุณธรรมจริยธรรมที่งดงามเป็นที่ยอมรับของชุมชน

         - พระภิกษุสามเณร นำมาเทศน์ในงานบุญออกพรรษา โดยแต่ละปีจะมีการกำหนดว่า ออกพรรษาปีนี้ จะเทศน์เรื่องอะไร ซึ่งแต่ละวัด จะมีหนังสือใบลานวรรณคดีนิทานเรื่องต่างๆ เก็บไว้ พอถึงงานบุญออกพรรษา ก็จะเตรียมหนังสือใบลานนิทานเรื่องนั้นๆ ไว้ สำหรับพระภิกษุสามเณร ทั้งวัดนั้น ทั้งวัดอื่นๆ เวียนสลับมาอ่าน(เทศน์) ให้พ่อออก แม่ออกฟัง จนหนังสือหมดผูก หรือนิทานจบ
        - นักปราชญ์ผู้สามารถในการแต่งกลอนลำ นำไปแต่งเป็นกลอนลำ แล้วให้หมอลำเป็นผู้ถ่ายทอด เล่าเรื่องราวนิทานนั้นๆ เช่นหมอลำพื้น (มีคนลำเพียงหนึ่งคน ทำหน้าที่เป็นตัวละครทั้งหมด ใช้เสียง ผ้า และเครื่องแต่งกายประกอบการแสดง) หมอลำเรื่องต่อกลอน เป็นต้น

        - คนเฒ่าคนแก่ (ซึ่งได้ฟังลำ หรือได้ฟังเทศน์จากพระ หรือผู้ที่สึกจากพระ) นำมาเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง ให้เด็กๆ ฟัง ในตอนเย็นหลังกินข้าว
       - ใช้ในการแสดงละครพื้นบ้านภาคอีสาน ของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552
       - กำพร้าไก่แก้ว (ไก่เผือก) : การผลิตซ้ำและประดิษฐ์สร้างนาฎยประยุกต์ ระหว่างรูปแบบนาฎยศิลป์ชาติไทยกับวรรณกรรมพื้นบ้านท้องถิ่นอีสาน-ล้านช้าง เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2558 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ในชุดการแสดงนาฏยศิลป์เรื่อง กำพร้าไก่แก้ว



อินโฟกราฟฟิค เรื่องท้าวกำพร้าไก่แก้ว