เรื่อง เพื่อนผี
เพียงความทรงจำ
“ทำไมฉันถึงยังจำเธอได้นะ มาลี
ในเมื่อเธอคือความทรงจำที่ฉันพยายามลืมให้สนิทมากที่สุดในบรรดาความทรงจำทั้งหลายที่เกี่ยวกับชีวิตฉัน
ตาเคยบอกกับฉันเสมอว่า จงลืมวันวาน เพื่อเช้าวันใหม่ที่สดใส
แต่ใครจะทำอย่างที่คิดไดบ้างละ แม้แต่ตาเอง” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าใจ
หญิงชรา วัย 50
ปี มีอาชีพรับจ้าง เธอมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนชื่อสายน้ำ อายุเพียง 10 ขวบ แต่กลับไม่ได้เรียนหนังสือ
และยังต้องช่วยแม่ทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
เพราะความยากจนจึงทำให้เด็กคนหนึ่งไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ
หญิงชราผู้นี้มีรูปร่างผอมสูงใบหน้ารูปไข่ คิ้วหนาดกดำ ผมยาวประบ่า
รวบมัดไว้อย่างเรียบร้อย ผมของหญิงชรายังมีสีดำสนิท
มองไม่เห็นเส้นผมสีขาวเลยแม้เพียงเส้นเดียว เธอมีชื่อว่าแม่บัว
อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท
บ้านหลังเล็กที่ทรุดโทรมพร้อมที่หล่นทับลงมาตลอดเวลา หลังคาที่เป็นรูรั่ว
จึงทำให้เวลาฝนตก บริเวณพื้นเปียกทั่วทั้งบ้าน จนต้องหากะละมังมารองน้ำฝนไว้
แม่บัวตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าเมื่อไหร่กัน
ฉันจะมีเงินเก็บสักก้อนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง
แม่บัวพยุงร่างที่อ่อนล้าลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม้เก่า
ๆ กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่บางอย่าง ท่ามกลางความเงียบในบ้านหลังเล็กริมคลองหลังหนึ่ง
เธอนอนซุกอยู่ในผ้าห่มผืนเก่า หวือ หวือ สายลมได้พัดผ่านตัวบ้าน
พัดเอาความเย็นยะเยือกเข้ามาภายในบ้าน ใบไม้บนต้นไม้ไหวติงไปมา
กิ่งไม้แห้งที่พร้อมจะหล่นลงจากต้นเมื่อสายลมพัดมา สายหมอกได้เกาะตัวบนต้นหญ้าพร้อมกับอากาศที่สดใสในตอนเช้าๆแบบนี้
เธอใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวสองคน โดยปราศจากเสาหลักของครอบครัว
สามีของเธอได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีมาแล้วด้วยโรคหัวใจล้มเหลว
แม่บัวจึงต้องใช้ชีวิตกับลูกสาววัย 10 ขวบเพียงลำพัง
แม่บัวเหม่อมองแผ่นฟ้าที่ว่างเปล่า กลับคิดถึงวันเวลาเก่าๆ
เมื่อครั้งที่สามีของเธอยังมีชีวิตอยู่
แต่วันนี้เธอกลับต้องโบยบินด้วยปีกของเธอ
ฝ่าลมแรงที่มีพายุลูกใหญ่ไปในที่ที่ไม่เคยไป
แต่แล้วความคิดนั้นก็กลับหายไปจากห้วงความคิดของเธอ ดวงตาเศร้าคู่นั้น
กลับเอ่อล้นด้วยหยดน้ำตาที่ไหลลงตามร่องแก้มทั้งสองข้าง หัวใจที่กำลังสดใสกลับเศร้าหมองอีกครั้ง
เจ้าตูบ สุนัขที่เก็บมาเลี้ยง นอนนิ่ง
แววตาดูเศร้าเหมือนกับมันได้ยินเสียงความคิดของแม่บัว เธอจ้องตาเจ้าตูบ
“ปะ ไปกัน วันนี้ฉันต้องไปทำงานที่บ้านของเศรษฐี”
“โฮ้ง โฮ้ง”
“แม่จะต้องไปทำงานที่บ้านเศรษฐี ลูกรอแม่อยู่ที่บ้านนะ
ไม่ต้องไปกับแม่หรอกวันนี้”
“หนูไปกับแม่ด้วยได้ไหมจ้ะแม่
หนูไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”
“ก็ได้ แต่อย่าซนล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่จะไม่ให้ไปด้วยอีกเลยนะ”
“จ้ะแม่ หนูสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซนจ้ะ”
เธอออกเดินทางตามถนนสายเล็กที่เชื่อมต่อกับหมู่บ้าน
ในแต่ละวันต้องเดินทางไปกลับกว่า 6 กิโลได้
เพื่อไปทำงานที่บ้านเศรษฐีที่อยู่ท้ายหมู่บ้านอีกฝั่งหนึ่ง
ระยะทางคงไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเธอ
เพราะความจนที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตรอด
และยังเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด แม้แต่หน้าพ่อแม่ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
เธอช่างโชคร้ายนัก
แต่ความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีที่เธอมีตาที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก
รักเธอเหมือนลูกแท้ ๆ ทำให้เธอไม่รู้สึกว่าเธอขาดอะไรไป
เพราะตาเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเธอได้
“เจ้าตูบ มาเร็ว ๆ สิ ฉันรีบ”
“ลูกไม่น่ามากับแม่เลยนะ
รอแม่อยู่ที่บ้านก็ได้ ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่ ฉันอยากมาช่วยแม่ทำงานด้วยคนจ้ะ” ด้วยความเป็นเด็กที่อยากจะช่วยแม่ทำงาน
จึงต้องดื้อเพื่อที่จะได้ตามแม่มาด้วย แต่ทุกครั้งที่เธอตามแม่ไป
ก็เพื่ออยากไปเล่นกับลูกสาวท่านเศรษฐีเท่านั้น
แม่บัวเดินทางมาถึงบ้านเศรษฐีเร็วกว่าที่คิดไว้
บ้านปูนสองชั้นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้และสวนดอกไม้ ด้านซ้ายมือ
มีเรือนไทยหลังเล็กตั้งอยู่ ส่วนด้านขวามือเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดไม่ใหญ่นัก
“อ้าว วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ
แม่บัว”
“วันนี้
ว่าจะรีบมาทำงานบ้านให้ท่านเสร็จ ก็จะรีบกลับบ้านจ้ะ วันนี้ลูกมาด้วย
กลัวไม่ได้อ่านหนังสือ เลยต้องรีบกลับหน่อยนะจ้ะ ท่านเศรษฐี”
“แล้วแต่แม่บัวเถอะ”
ณ บ้านเศรษฐี
หญิงชราเดินไปหยิบผ้าและไม้กวาดขนไก่
มาปัดฝุ่นตามหน้าต่าง ตู้โชว์ โซฟา โต๊ะนั่ง และรูปภาพที่ติดตามผนังบ้าน
จากนั้นจึงไปหยิบไม้กวาดที่อยู่มุมบ้าน ใช้มือขวาจับด้ามไม้กวาดแล้วกวาดพื้นไปมา
โดยเริ่มกวาดจากทางซ้ายมือของตัวบ้านไปทางขวา เมื่อกวาดเสร็จแล้ว
จึงใช้ไม้ถูพื้นมาถูทำความสะอาดบริเวณนั้นอีกครั้ง
“เอ๊ะ หายไปไหนแล้ว เจ้าตัวแสบ”
เธอมัวแต่ทำงานบ้าน
จนลืมนึกไปว่า ลูกสาวของเธอที่มาด้วย ไม่ได้นั่งอยู่ในบ้าน
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะไปซนอยู่ที่ไหนบ้าง
“ลูกอยู่ไหน ได้ยินแม่ไหม” เธอเดินออกมาพร้อมกับส่งเสียงตะโกนร้องเรียกหา
“อ้าว อยู่นี่เอง” สายตาต้องสะดุดที่เรือนไทยหลังเล็ก
เมื่อเห็นเด็กๆกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ในศาลาเรือนไทยหลังนั้น
“แม่ เสร็จแล้วหรอจ้ะ หนูอ่านหนังสือการ์ตูนก่อนได้ไหมจ้ะ แม่”
“ได้สิ
แม่ยังทำงานบ้านไม่เสร็จเลย เดี๋ยวแม่จะมาเรียกนะลูก”
“จ้ะ แม่”
แม่บัวมองดูเด็ก
ๆ ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นั้น กลับคิดถึงความหลังเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก
เธอจ้องเด็ก ๆ อยู่นาน แววตาแห่งความสุข ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
กลับมีความเศร้าแฝงอยู่ในนั้น เธอกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่บางอย่าง เจ้าตูบสั่นหาง
ดิ๊ก ดิ๊ก ไปมา เธอมองหน้าเจ้าตูบแล้วถอนหายใจ
“ฉันคิดถึงเพื่อนของฉันจัง ปานนี้เธอจะอยู่ที่ไหน”ใบหน้าของเธอดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
เธอคงคิดถึงชีวิตเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก
แล้วต้องใช้ชีวิตกับตาสองคนในบ้านหลังเล็กที่อยู่ริมคลอง
“ถ้าหากวันนี้ ยังคงเหมือนกับวันที่ผ่านมา ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้”
"ป่ะ สายน้ำกลับบ้านกัน"
สายน้ำเดินมาหาแม่ที่ยืนรออยู่ที่่หน้าเรือนไทย ขณะที่เดินทางกลับบ้าน แม่บัวได้เหม่อลอย เดินชนก้อนหินเกือบล้มอยู่หลายครั้ง
"แม่เป็นอะไรจ้ะ"
"ป่าวหรอกลูก"
ขณะที่เดินถึงบ้าน แม่บัวกลับคิดถึงเพื่อนผีคนนั้น มองดูต้นไม้ใหญ่ที่พบกันวันแรก
"ป่ะ สายน้ำกลับบ้านกัน"
สายน้ำเดินมาหาแม่ที่ยืนรออยู่ที่่หน้าเรือนไทย ขณะที่เดินทางกลับบ้าน แม่บัวได้เหม่อลอย เดินชนก้อนหินเกือบล้มอยู่หลายครั้ง
"แม่เป็นอะไรจ้ะ"
"ป่าวหรอกลูก"
ขณะที่เดินถึงบ้าน แม่บัวกลับคิดถึงเพื่อนผีคนนั้น มองดูต้นไม้ใหญ่ที่พบกันวันแรก
"ชีวิตเมื่อครั้งวัยเด็ก
มันช่างแตกต่างกันเสียจริงกับตอนนี้" แม่บัวนั่งเศร้าคิดถึงวันเวลาเก่า
ๆ เมื่อครั้งที่เธอชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อนผีสาว แม่บัวเดินไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่กับสายน้ำ เล่าเรื่องวัยเด็กของเธอที่ชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อนผีให้ลูกฟัง
วรรณ นภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น