เรื่อง เพื่อนผี
ยาผีบอก
“ตาจ๋า พรุ่งนี้หนูบัวจะเข้าป่าไปหาเห็ดโคลน วันก่อนฝนตกหนัก เห็ดโคลนคงเกิดเยอะนะตา”
“เข้าป่าระวังด้วยนะลูก
พรุ่งนี้ตาจะซ่อมหลังคาบ้านคงไปด้วยไม่ได้ นอนได้แล้วต้องตื่นแต่เช้านะ”
“จ้ะตา”
เอ้ก อิ เอ้ก เอ้ก
“เช้าแล้วหรอเนี่ย ” หนูบัวตื่นขึ้นมาด้วยอาการงุนงง
มองดูผ้าห่มด้านข้างถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย มองหาตาที่นอนอยู่ข้าง ๆ
แต่กลับไม่พบ
“ตื่นแล้วหรอหนูบัว” มาลี เพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนร้องทักขึ้น
บรรยากาศเช้านี้ท้องฟ้าสดใส
หมู่นกพากันโบยบินไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหาอาหาร บนใบหญ้ามีหยดน้ำใส ๆ
ที่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มก้อน สายฝนที่โปรยปรายลงมาช่วยให้หมู่ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างพากันดีใจที่ได้เห็นสายฝนหลังจากที่หน้าดินแห้งแล้งมานาน
สายฝนช่วยยื้อชีวิตของหมู่สัตว์และต้นไม้น้อยใหญ่ที่กำลังเหี่ยวเฉาอยู่นั้น
ตอนนี้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
หนูบัวเร่งฝีเท้ามาที่ริมคลอง
นั่งลงที่สะพานไม้เก่า ๆ ที่มีเรือผูกติดที่เสาด้านซ้ายมือ ในยามเช้าแบบนี้
สายน้ำที่อยู่ในลำคลองยังมีความขุ่นของเศษฝุ่นที่ลอยขึ้นมาจากด้านล่าง
เพราะพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง
หนูบัวมองดูปลาน้อยใหญ่ที่กำลังแวกว่ายไปมาเพื่อหาอาหาร
ปลาตัวใหญ่ที่กำลังว่ายมานั้น มันจ้องปลาตัวเล็กที่กำลังลอยทวนน้ำ
มันคงคิดจะกินปลาเล็ก
ไม่นานปลาตัวใหญก็ได้แวกว่ายเข้ามากินปลาตัวเล็กที่อยู่ริมฝั่ง
“มันคงเป็นกรรมของเจ้าสินะ เจ้าปลาน้อย
ถ้าหากเจ้าตัวใหญ่ เจ้าก็คงกินสัตว์อื่นเป็นอาหารเช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าตัวเล็ก
เจ้าคงต้องตกเป็นอาหารของสัตว์ที่ใหญ่กว่า” หนูบัวนั่งบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ขณะที่กำลังนั่งรับบรรยากาศสายลมในยามเช้าอยู่นั้น
กลับต้องสะดุดไปที่แห่งหนึ่ง
เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเธอต้องเข้าป่าไปหาเห็ดโคลนในวันนี้
“วันนี้ ฉันต้องเข้าป่าไปหาเก็บเห็ดมาขาย
เห็ดโคลนคงเกิดแล้ว แต่ เอ๊ะ! ตาหายไปไหน ทำไมยังไม่เห็นเลยล่ะ มาลี”
“ตาไปตัดไม้มาซ่อมหลังคานะ
เมื่อเช้าเห็นตาถือพร้าเล่มใหญ่เข้าป่าทางด้านทิศเหนือไป” มาลีเพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนบอกเธอ
“เธอจะไปกับฉันไหม”
“ไปสิ ฉันจะไปกับเธอ”
“ฉันจะไปเอาตะกร้ากับเสียมก่อน
แล้วเราจะได้เข้าป่ากัน” หนูบัวก้าวเท้าด้วยความรวดเร็ว
เดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาตะกร้าและเสียม ตะกร้าไม้เก่า ๆ
ที่ตาได้สานไว้เมื่อครั้งที่หนูบัวยังเด็ก ตอนนี้มันเก่ามากแล้ว
แต่มันยังใช้งานได้ดีทีเดียว และคงใช้ได้อีกนาน หนูบัวและมาลีมุ่งหน้าเข้าป่าเพื่อเก็บเห็ดโคลนตามความคิดที่คิดไว้
มือซ้ายถือตะกร้า มือขวาถือเสียม
แครก แครก เสียงฝีเท้าที่ย้ำลงบนใบไม้แห้ง
กำลังมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก ต้นไม้ใหญ่น้อยพากันเขียวชอุ่ม ผลิดอกออกใบ
บรรยากาศในป่าช่างเยือกเย็นนัก ลมแรงเหมือนจะมีพายุ หนูบัวใช้เสียมที่ถืออยู่ในมือ
เขี่ยใบไม้แห้งให้กระจายออก เพื่อหาเห็ดโคลน
“เห็ดโคลนมันเกิดแล้วไม่ใช่หรอ
ฉันเห็นชาวบ้านได้เห็ดกันเยอะเลย แต่ทำไมฉันได้สองดอกเอง”
“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอหาเอง” มาลีพูดด้วยคำปลอบใจ
ขณะที่กำลังคุ้ยเขี่ยอยู่นั้นก็เจอเห็ดโคลนกลุ่มหนึ่งมีหลายดอกเลยทีเดียว
“เย้ ฉันเจอแล้ว เห็ดโคลนจำนวนมากเลยทีเดียว”
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเก็บเอง จะได้เสร็จเร็ว ๆ ”
ขณะที่กำลังก้มตัวเก็บเห็ดโคลนอยู่นั้น
จนลืมมองดูบริเวณรอบ ๆ ว่ามีสัตว์มีพิษอยู่บริเวณนี้ไหม
พื้นป่าที่มีฝนตกชุกทำให้สัตว์มีพิษน้อยใหญ่ชุกชุมเป็นธรรมดา
แต่นั่นงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยมาทางนี้ โดยที่หนูบัวไม่ทันได้สังเกต
ขณะที่ก้าวเท้าถอยหลัง พอดีงูเลื้อยเข้ามาใกล้ จึงทำให้ถูกงูฉกเข้าที่ขาด้านซ้าย
“โอ้ย อะไรกัดที่ขาฉัน มาลีช่วยฉันด้วย”
“เธออยู่นิ่งๆนะ
ฉันเจอแล้วเจ้างูตัวนั้นมันกัดเจ้า มันมีพิษ มันคืองูเขียวหางไหม้ เจ้าคงเผลอไปเหยียบหางมันเข้าเท่านั้น มันคงคิดว่ามีคนจะทำร้ายมัน”
“ฮือ ฮือ ฉันเจ็บเหลือเกิน”
“เธอนั่งอยู่นิ่งๆ
เดี๋ยวฉันจะไปเอารากต้นโลดทะนงแดงมาให้เธอฝนกิน” มาลีนำสมุนไพรที่ไปหามาแล้วหนูบัวจึงฝนกิน เพื่อถอนพิษงูเขียงห้างไหม้ ถึงแม้มันจะมีพิษที่สะสมอยู่น้อย แต่มันก็มีอาการบวมได้
“เรากลับกันเถอะมาลี ฉันไม่เป็นไรมากแล้ว”
วันนี้มันช่างเป็นวันที่โชคร้ายนัก
หนูบัวโดนงูกัดเข้าที่ขา แต่โชคดีที่งูตัวนั้นไม่มีพิษ
จึงทำให้เพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนช่วยห้ามเลือดให้เขาได้
“ไปทำอะไรมาลูก ทำไมเดินแบบนั้น
ขาไปโดนอะไรมา”
“โดนงูกัดมาจ้ะตา”
“เดี๋ยวตาจะพาไปหาหมอ งูมีพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขาบวมขนาดนี้”
ขณะที่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลนั้น
มื้อไม้ของตารู้สึกสั่นอย่างบอกไม่ถูก คงกลัวว่าหนูบัวจะเป็นอันตราย
“เป็นอะไรมาครับ” ชายสูงใหญ่หน้าตาดีถามด้วยความอยากรู้
“โดนงูกัดมาครับคุณหมอ ไม่รู้ว่างูมีพิษไหม”
“ผมขอดูแผลหน่อยนะครับ ไม่ใช่สัตว์มีพิษนะครับ
ผมจะให้ไปทำความสะอาดแผลก่อน กลัวว่าแผลจะติดเชื้อ
แล้วค่อยมารับยาที่ช่องสามนะครับ ผมจะให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด และยาลดไข้ไปทาน
หมั่นทำความสะอาดแผลด้วยนะครับ”การที่หมอตรวจดูแล้วพบว่าเป็นสัตว์ไม่มีพิษนั้น คงเป็นเพราะมาลีหายาถอนพิษมาให้หนูบัวกินแล้ว
“เห็นไหมจ้ะตา หนูบัวบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร” สายตาของตาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยังคงห่วงหลานของตัวเอง สีหน้าแววตาที่เศร้า
ตอนนี้กลับสดใสขึ้นมาเมื่อรู้ว่าไม่ใช่สัตว์ที่มีพิษ
หลังจากกลับจากโรงพยาบาล
หนูบัวกลับมีอาการตัวร้อนขึ้นมาทันที คงเป็นเพราะอาการอ่อนเพลีย
“ตาจ๋า หนูปวดหัวจังเลย”
“กินข้าวก่อนนะลูกแล้วจะได้กินยา
นอนพักเดี๋ยวพรุ่งนี้อาการก็คงดีขึ้น” ตาดูแลหนูบัวไม่ยอมห่างไปไหน
ยังคงนั่งเฝ้าอยู่แบบนั้นทั้งคืนพลางหลับพลางตื่น คอยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้
มาลีเพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนของเขานั่งมองดูอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง
“ฉันสงสารเธอจัง เธอต้องรีบหายนะ
ฉันไม่มีเพื่อนคุยเลย” มาลีมองดูหนูบัวด้วยใบหน้าเศร้า
วรรณ นภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น