เพื่อนใหม่2
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า
หมู่นกก็พากันโบยบินกลับรัง แผ่นฟ้าที่เคยสดใสตอนนี้กลับมีแต่ความมืดมิด
มองเห็นแม้เพียงเงาลาง ๆ คืนนี้ช่างมืดมนไร้ซึ่งแสงเดือนและแสงดาว
พระจันทร์คืนนี้ช่างโดดเดี่ยวนัก ไร้ซึ่งหมู่ดาวที่เคยระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงแห่งความน่ากลัว กำลังส่งเสียงมาจากอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน
อีกไม่นานพายุลูกใหญ่นั้นก็คงเคลื่อนตัวเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ โกรก โกรก บรรยากาศในตอนเต็มไปด้วยกระแสลมแรงที่พัดผ่านเข้ามา
เด็กหญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่อยู่ข้างบ้าน เมื่อเธอได้ยินเสียง เปรี้ยง
เธอสะดุ้งตื่นจากความคิด ที่กำลังเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้น
"หนูบัวเข้ามาข้างในสิลูก
ฝนจะตกแล้วนะ" ตาสอนส่งเสียงเรียกหนูบัวให้เข้ามาข้างในบ้าน
โครม มีอะไรบางอย่างปลิวออกไป ทำให้ตาสอนและหนูบัวตกใจ
แต่สิ่งที่ต้องตกใจและคาดไม่ถึงก็คือหลังคาบ้านที่ครัว ได้ปลิวออกไป
ข้าวของที่วางอยู่ปลิวกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น
"เสียงอะไรหรอจ้ะ
ตา"
"ลมแรง ข้างของเลยปลิวไปกับสายลมนะลูก เดี๋ยวตาจะออกไปเก็บของที่ปลิวไปก่อนที่ฝนจะลงเม็ด"
"หนูไปด้วยจ้ะตา"
ขณะที่กำลังเก็บ ข้าวของที่ปลิวอยู่นั้น กลับมีเสียงบางอย่างมากระซิบที่ข้างหู
"สวัสดีจ้ะ"
กายของหนูบัวลุกซู่ซ่า
บรรยากาศในตอนนี้เย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก หนูบัวบ่นพึมพำกับตัวเอง
"คงไม่มีอะไรหรอก
อากาศคงจะหนาวเพราะสายลที่พัดแรงในวันนี้"
หนูบัวกะพริบตาถี่ ๆ มองซ้ายมองขวา
ว่ามีใครยืนอยู่ตรงนั่นหรือเปล่า
ป็อก ป็อก
หยดน้ำที่หล่นลงมาจากฟากฟ้าได้ตกลงมาอย่างแรง หลังคาบ้านที่ปลิวออกไป
ทำให้ครัวด้านหลัง มีน้ำเอ่อนองอยู่ในบริเวณนั้น
"หนูบัว ฝนลงเม็ดแล้ว เข้ามาข้างในบ้านได้แล้วลูก" ตาเรียกหนูบัวด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นหนูบัวกำลังนั่งอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ มองดูอะไรบางอย่างอยู่นั้น
"จ้ะ ตา"
สิ่งที่หนูบัวคิดอยู่ในหัวตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องที่หนูบัวกลัวที่สุดในชีวิต
คือผีที่มองไม่เห็นแม้แต่เงา แต่แล้วกลับมีเสียงมากระซิบที่ข้างหูเธออีกครั้ง
"ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ"หนูบัวรีบก้าวฝีเท้าอย่างรวดเร็วเข้าไปหาตาที่อยู่ในบ้าน
"ตา ฮือ ฮือ"
"เป็นอะไรไปลูก"
"ผีหลอกหนูจ้ะตา"
"มันไม่มีอยู่จริงหรอกลูก
มันเป็นเพียงความคิดของเราเท่านั้น ตาเกิดมาอายุมากเท่านี้ ยังไม่เคยเห็นเลย" เสียงสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาข้างแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด
"คืนนี้ ฝนคงตกทั้งคืนสินะ"
ตาพูดด้วยความเศร้าใจ
"ไปนอนได้แล้วลูก"
หนูบัวเดินพลางหันหน้าหันหลัง
กลัวผีที่พึ่งเจอมา กายที่เยือกเย็นเหมือนกำลังแช่อยู่ในช่องแข็ง หวือ หวือ
สายลมได้พัดผ่านเข้ามาทางช่องแคบของบ้าน ยิ่งทำให้ความกลัวเพิ่มมากขึ้น
ในหัวก็คิดอยากมองออกไปที่หน้าต่าง ว่าผีตนนั้นยังอยู่ที่นั่นไหม
แต่อีกความคิดหนึ่งก็กลัวจนไม่อยากจะเห็นผีตนนั้นอีกเลย ค่ำคืนนี้ช่างหนาวนัก ทั้ง
ๆ ที่หน้านี้ก็ยังเป็นหน้าฝน แล้วถ้าถึงหน้าหนาวละ หิมะคงจะตกลงมาแน่ๆ
ขณะที่หนูบัวกำลังนอนอยู่นั้น
ได้มีเสียงดัง ตุบ ขึ้นที่ข้างหู เธอได้สะดุ้ง ฮวบ
ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับและต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือผีสาว
ที่มีรูปร่างไม่สูงนัก เธอขยี้ตาอีกครั้ง เพราะคิดว่าตัวเองมองไม่ชัด
เพราะสายพร่ามัวอยู่ก็ได้
แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันกลับเป็นความจริงที่ไม่ใช่สิ่งที่อยากพบเลยในชีวิตนี้ ทุก
ๆ คืน หนูบัวจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นผีสาวตนนี้ แต่เมื่อนานวันเข้า
ผีตนนี้กลับไม่เคยทำอันตรายหนูบัวเลยสักครั้ง
หรือเธอเพียงแค่อยากจะมาเป็นเพื่อนกับหนูบัวจริง ๆ
อย่าที่ผีตนนั้นได้บอกหนูบัวเมื่อครั้งแรก
"เจ้าจะมาหาฉันทำไม ฉันกลัว ฮือ
ฮือ"
"ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ"
"แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอนิ"
"ฉันจะอยู่ที่นี่
ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะให้ฉันเป็นเพื่อนกับเธอ" ผีสาวตนนั้นไม่ยอมไปไหนอย่างที่พูด
รอคอยให้หนูบัวยอมรับเธอมาเป็นเพื่อน เมื่อผีตนนี้อาศัยอยู่กับหนูบัวทุกคน
จนทำให้ความกลัวที่เคยมี ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความเคยชินซะมากกว่า
หนูบัวไม่มีความกลัวผีตนนั้นอีกต่อไป
"ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอก็ได้
แต่เธอจำไว้นะวันใดที่เธอหายไป ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอเลย"
"เย้ ในที่สุดฉันก็ได้เป็นกับเธอ
ฉันขื่อมาลีนะ"
"ฉันชื่อ หนูบัวนะ
การที่ฉันยอมเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะเธอทำให้ฉันเห็นต่างหาก
ว่าเธอต้องการเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ เธอได้รับโอกาสจากฉันแล้ว
อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังกับเธอละ"
การเป็นเพื่อนกับสิ่งที่มองไม่เห็น
มันอาจทำให้ใครหลาย ๆ คนมองหนูบัวว่าไม่ปกติ
แต่สิ่งที่หนูบัวและมาลีรับรู้มันมากกว่าคำว่า เพื่อน
วรรณ นภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น