เรื่อง เพื่อนผี
ไม่มีเธอ
ครั้งนี้คงเป็นคราวที่เธอต้องใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว
ไม่มีแม้แต่คนที่เข้าใจ คนที่คอยอยู่เคียงข้าง มันช่างโดดเดี่ยวยิ่งนัก เวลาผ่านไปนานหลายปี ปีนี้็เข้าปีที่ 3 แล้ว แต่หัวใจของหนูบัวยังคงคิดถึงตาสอนและมาลี
“ป่านนี้ตาคงอยู่บนสวรรค์ แล้วเธอล่ะมาลี เธอยู่ที่ไหน มันไม่มีอีกแล้วสินะ วันที่ฉันหัวเราะ
วันแห่งความสุข” หนูบัวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
หญิงสาวร่างบาง ผมยาว นั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างกระท่อม
มองดูหมู่นกที่พากันโบยบินไปมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงระรัวมาแบบไม่ยั้ง
“มาลี เธออยู่ไหน”เสียงของหนูบัวร้องถาม
“ฉันลืมนึกไปว่าเธอไปจากที่นี่แล้ว”เสียงนั้นความจริงเป็นเสียงกิ่งไม้ที่มันกำลังจะหัก
แต่หนูบัวได้ยินเสียงอะไรก็เหมือนมีคนเรียกตลอดเวลา
จิ๊บ จิ๊บ
นกกระจิ๊บร้องเซ็งแซ่อยู่บนแผ่นฟ้าสีขาว หมู่เมฆที่เกาะตัวกันได้เคลื่อนตัวเข้ามาบดบังแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมา
บรรยากาศในตอนนี้ช่างเหมาะแก่การนอนพักผ่อน เปลที่ผูกติดไว้กับต้นไม้ใกล้ลำคลอง
มีสายลมพัดพาเอาความเย็นเข้ามา ณ บริเวณนี้
“นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ”
จิ๊บ จิ๊บ
“เจ้านกมันร้อง
เหมือนกับมันได้ยินความคิดของฉันเลย ฉันควรเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว”
หนูบัวตั้งใจมุ่งมั่นที่จะไปเก็บผัก
ก้าวเท้าไปหยิบเอาตะกร้ามาหนึ่งอัน แล้วเดินไปที่สะพานไม้ที่มีเรือลำเล็กผูกติดอยู่กับสะพาน
ครั้งหนึ่งมันเคยมีความทรงจำดีๆ เมื่อครั้งที่หนูบัวไปเก็บผักบุ้งที่ริมคลองด้วยกันกับมาลี
ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้ที่มันมีเพียงแค่เรือ มีแค่ความว่างเปล่า
หนูบัวก้าวเท้าลงไปนั่งในเรือ
จ้วงไม้พายไปยังลำคลองที่อยู่ฟากหนึ่ง ลำคลองฝั่งนี้มีสายน้ำเย็นฉ่ำ ซึ่งแตกต่างจากลำคลองที่อยู่ข้างบ้าน หนูบัวใช้มือวิดน้ำขึ้นมาล้างหน้า
เพราะบรรยากาศในตอนนี้เริ่มร้อนแล้ว
“เย็นสบายจัง”
“ข้างหน้า ผักกะเฉดทอดยอดยาวออกมามากเลยทีเดียว”หนูบัวเร่งฝีพายเพื่อไปให้ถึงเร็วๆ
นี่คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้
หนูบัวไม่กลับไปคิดเรื่องมาลี แต่กลับมุ่งมั่นในการจ้วงไม้พาย
แล้วตอนนี้สิ่งที่ทำให้มีความสุข ก็คงเป็นการเก็บผักกะเฉดเพื่อจะนำไปขาย
“ฉันจะเก็บให้หมดเลย จะได้เอาไปขายที่ตลาด
ฉันนึกได้แล้ว ฉันมีต้นมะละกอ ฉันจะเก็บไปกินกับส้มตำด้วย” ใบหน้าของหนูบัวมีแต่รอยยิ้ม
“ตาจ๋า หนูบัวทำอะไรด้วยตัวเอง
เหมือนที่ตาบอกไว้แล้วนะจ้ะ หนูบัวจะไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคเด็ดขาดจ้ะ
”
หนูบัวใช้มือข้างขวาเก็บผักกะเฉดที่ลอยอยู่ในน้ำ
มือหนึ่งจับเรือไว้ เพราะกลัวที่จะพลาดตกน้ำไป การที่เธอระวังตัวมากเกินไป ก็ทำให้เก็บผักกะเฉดได้น้อย
หนูบัวจึงเอามืออีกข้างที่จับเรือ ยื่นไปเก็บผักกะเฉด แต่ความโชคร้าย เรือถูกคลื่นน้ำซัด จึงทำให้เรือสั่นไปมา หนูบัวจึงพัดตกลงไปในน้ำ เธอจึงอยู่นิ่ง ๆ ไม่ขยับตัว
กายจึงลอยทวนน้ำขึ้นมา เธอใช้มือทั้งสองข้างว่ายทวนน้ำขึ้นฝั่งอย่างคล่องแคล่ว
“ฉันว่ายน้ำเองได้แล้ว
ตอนนั้นเธอยังสอนฉันอยู่เลยนะมาลี”
การที่หนูบัวว่ายน้ำได้เองนั้น
เป็นเพราะตัวเธอเอง ไม่มีเพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนอยู่จริง ไม่มีคนที่คอยช่วยเหลือเธอเลย
ความจริงเธอทำอะไรด้วยตัวเธอเอง เมื่อครั้งที่เธอโดนงูกัด พัดตกจากเรือจมน้ำ
ไปขายผักที่ตลาดแล้วขายผักไม่ได้ ไปหาหน่อไม้แล้วโดนชาวบ้านไล่
เจอช้างป่าไล่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพื่อนสาวที่ไร้ตัวตนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนเธอนั้น
ความจริงแล้วมาลีเป็นเพียงคนในความคิดเท่านั้น ไม่มีเพื่อนผีอยู่จริง
การที่หนูบัวจะมีเพื่อนเป็นผีนั้น มันเป็นสิ่งที่ใครต่างไม่ยอมรับ
หนูบัวถูกชาวบ้านหาว่าเป็นบ้า เธอไม่ได้เป็นคนบ้าอย่างที่ใครคิด
แต่ที่ต้องพูดคนเดียว เล่นคนเดียว เพราะเธอไม่มีเพื่อนเลย ตั้งแต่เด็กหนูบัวต้องเล่น
พูดคนเดียวมาโดยตลอด มีเพียงตาเท่านั้นที่เล่นกับหนูบัว
หนูบัวเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย เข้ากับคนได้ง่าย
แต่เพียงบ้านของเธอที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน และด้วยฐานะของเธอ
จึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะเล่นกับใคร
วรรณ นภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น